ประวัติ J. Robert Oppenheimer

ประวัติของ J. Robert Oppenheimer นักวิทยาศาสตร์และนักก่อการให้ความรู้ด้านกฎของฟิสิกส์ อเมริกา คือหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเป็นหนึ่งในนักก่อการให้ความรู้ในโครงการแมนแฮตตัน (Manhattan Project) ที่เป็นโครงการควบคู่กับรัฐบาลสหรัฐฯในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่ได้นำไปสู่การสร้างอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกของสหรัฐฯ

การเกิดและการศึกษา

J. Robert Oppenheimer เกิดในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2452 (1914 คริสต์ศักราช) ณ นิวยอร์กซิตี สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ครอบครัวของเขามีความสัมพันธ์กับวงการศิลปะมากมาย ทั้งด้านวรรณกรรมและดนตรี ความรู้สึกที่แตกต่างในครอบครัวที่ส่งผลให้เขามีทักษะในการตัดสินใจและความสามารถในการเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์

ตั้งแต่เด็ก J. Robert Oppenheimer มีความสนใจในวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ นอกจากนี้เขายังมีความชื่นชอบในการอ่านหนังสือและเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะ สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อ Oppenheimer เปิดเผยว่าเขาเคยได้อ่านหนังสือ “ซีเมนต์” (Cement) ที่เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับกฎของฟิสิกส์ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ และทำให้เขาเข้าใจและคิดหาทางในเรื่องที่น่าสนใจนั้นมากขึ้น

ในช่วงเวลานั้น Oppenheimer ได้รับการศึกษาในโรงเรียนประธานสถาบันสำหรับเด็กชาย (President’s School for Boys) ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา ในช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับนักวิทยาศาสตร์และนักศิลปะที่มีชื่อเสียงที่คอยกระตุ้นความคิดและความสนใจของเขาในสิ่งต่าง ๆ ในวิชาศิลปะและวิทยาศาสตร์

การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย

หลังจากที่เสร็จสิ้นการศึกษาในโรงเรียนประธานสถาบันสำหรับเด็กชาย ออปเป็นฮายเมอร์ได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) เมื่ออายุ 18 ปี ในช่วงเวลานี้ เขาได้รับการศึกษาในสาขาศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และได้แสดงความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่ดีเยี่ยม ในช่วงเวลานี้ Oppenheimer ได้รับโอกาสที่จะศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับความรู้ในสิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ในสาขาต่าง ๆ ที่มีต่อกันทั้งในสาขาศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาของการศึกษาในมหาวิทยาลัย Oppenheimer ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป และสถานการณ์เหตุการณ์เหตุการณ์ทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้เขาเริ่มต้นคิดหาทางในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภัยความเสี่ยงและการสงคราม ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเกิดความสนใจในสาขาวิทยาศาสตร์และกฎของฟิสิกส์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงมีความสนใจในสาขาวิชาศิลปะและวิทยาศาสตร์ในขณะที่ทำการศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

การศึกษาในประเทศอียิปต์

หลังจากที่เสร็จสิ้นการศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ออปเป็นฮายเมอร์ได้เดินทางไปที่ประเทศอียิปต์ ในปี พ.ศ. 2463 (1920 คริสต์ศักราช) เพื่อเริ่มต้นการศึกษาและการทำสำรวจในสิ่งต่าง ๆ ในประเทศอียิปต์ ซึ่งในช่วงเวลานี้ เขาได้มีโอกาสที่จะศึกษาและศึกษาการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศอียิปต์ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับภูมิภาคและวัฒนธรรมของประเทศอียิปต์ที่น่าสนใจ ทั้งการสำรวจในภูมิภาคที่หลากหลายและวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายในประเทศอียิปต์ ทำให้เขามีความรู้และความสนใจในสิ่งต่าง ๆ ในสาขาวิชาศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ในสาขาวิชาต่าง ๆ ที่น่าสนใจในสิ่งต่าง ๆ ในประเทศอียิปต์

เจอร์เมน โรเบิร์ต ออเปนฮายเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) เป็นสองนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ โดยทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งในยุคเวลาของพวกเขา

เจอร์เมน โรเบิร์ต ออเปนฮายเมอร์ (1904 – 1967) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกาที่มีส่วนในการนำการวิจัยและพัฒนาโครงการแมนแฮตตัน (Manhattan Project) ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โครงการนี้เป็นโครงการวิจัยเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์และได้ทำให้สหรัฐอเมริกาสามารถผลิตระเบิดนิวเคลียร์และใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (1879 – 1955) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันที่ได้เป็นที่รู้จักในฐานะนักฟิสิกส์ที่เป็นความสามารถในศาสตร์ที่สุดในยุคนั้น โดยได้ครีเอตทฤษฎีสายลมที่สนามโคลไลท์ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับการแพร่กระจายของแสงและพลังงานที่ดินและทำให้เกิดทฤษฎีสายลมที่สนามของพลังงานที่น่าทึ่ง (สำหรับการอภิปรายในข้อนี้ในมุมมองที่เบาหวาน) นอกจากนี้ยังมีการทำหากัดค้นที่อาชญากรรมของแสงในทฤษฎีที่เรียกว่าทฤษฎีสำหรับทฤษฎีที่เปลี่ยนแปลงพลังงานในระบบที่คงที่ ครีเอตของเขาได้สร้างฐานข้อมูลสำคัญในการเข้าใจเกี่ยวกับเชิงสติปัญญาและปริมาณทางฟิสิกส์ นอกจากนี้ยังเป็นคณะที่สร้างเกียรติคำที่ชื่นชมให้กับของรางวัลโนเบลในปีค.ศ. 1921 ทำให้เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลนี้ในยุคนั้นที่ทำให้เกิดความมากขึ้นในสงครามโลกครั้งที่สองหลายอย่าง